ฉนวนกันเสียง

ฉนวนกันเสียง: นวัตกรรมยอดนิยมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในบ้านและอาคาร

ในยุคที่มลภาวะทางเสียงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการจราจร เครื่องจักรในโรงงาน และเสียงดังจากกิจกรรมต่างๆ การเลือกใช้ ฉนวนกันเสียง จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการออกแบบบ้านและอาคารสมัยใหม่ เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เงียบสงบ ปราศจากเสียงรบกวน ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถพักผ่อนหรือทำงานได้อย่างมีสมาธิ

ฉนวนกันเสียง คืออะไร

ฉนวนกันเสียง คืออะไร?

ฉนวนกันเสียง (Acoustic Insulation) หมายถึง วัสดุที่ใช้สำหรับดูดซับคลื่นเสียงและลดการสะท้อนของเสียง เพื่อควบคุมการส่งผ่านของเสียงผ่านผนัง พื้น เพดาน หรือโครงสร้างอาคาร ป้องกันไม่ให้เสียงดังจากภายนอกเข้ามารบกวนหรือเสียงจากภายในส่งออกไปรบกวนข้างนอก

ฉนวนกันเสียง ที่ดีควรมีคุณสมบัติ ดังนี้

  1. ค่าการดูดซับเสียง (Sound Absorption Coefficient) สูง โดยทั่วไปควรมีค่า NRC ตั้งแต่ 0.75 ขึ้นไป
  2. ค่าการลดทอนเสียง (Sound Transmission Class) สูง โดยควรมีค่า STC ตั้งแต่ 40 ขึ้นไป
  3. น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ปรับตัวเข้ากับโครงสร้างอาคารได้ดี
  4. ไม่ลามไฟ ไม่เป็นอาหารของแมลงและเชื้อรา
  5. มีความคงทนและอายุการใช้งานยาวนาน
  6. ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย

ประเภทของ ฉนวนกันเสียง ยอดนิยม

ฉนวนกันเสียง ใยแก้ว

ฉนวนใยแก้ว (Glass Wool)

เป็นฉนวนกันเสียงที่ผลิตจากการปั่นเส้นใยแก้วขนาดเล็กจากวัตถุดิบธรรมชาติและแก้วรีไซเคิล มีทั้งแบบเส้นใย (Blanket) สำหรับติดตั้งในผนังและฝ้า และแบบแผ่น (Board) สำหรับบุผิวผนัง ฝ้า หรือใต้หลังคา มีข้อดีคือ สามารถเป็นฉนวนกันความร้อนได้ มีน้ำหนักเบา ดูดซับเสียงได้ดี ป้องกันการลามไฟ ไม่เป็นพิษ และย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แถมยังมีราคาประหยัด

ฉนวนใยแก้วจาก Microfiber เช่น รุ่น GTS, PFL และ GLC สามารถดูดซับเสียงได้สูงถึง NRC 0.75-1.05 ขึ้นอยู่กับความหนา และสามารถป้องกันการส่งผ่านของเสียงได้ดีกว่า 41-49 dB (STC41-49) โดยใช้ฉนวนหนาเพียง 25-50 มม. เท่านั้น ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมสำหรับงานผนังและฝ้าอาคาร

ฉนวนกันเสียง ฉนวนโฟม

โฟมโพลียูรีเทน (Polyurethane Foam)

เป็นฉนวนกันเสียงที่ผลิตจากปฏิกิริยาระหว่างสารไอโซไซยาเนตและโพลีออล ทำให้ได้โครงสร้างเป็นโฟมเซลล์ปิดที่มีลักษณะแน่นและเบา มีข้อดีคือ ค่าการนำความร้อนต่ำมาก สามารถป้องกันการส่งผ่านเสียงได้ดี กันความชื้นและการกัดกร่อนสูง ติดตั้งง่ายโดยการพ่นหรือเทลงบนพื้นผิว เหมาะสำหรับใช้เป็นฉนวนกันเสียงในระบบผนังและพื้นลอยของอาคาร

ฉนวนกันเสียง ยางสังเคราะห์

ยางสังเคราะห์ (Elastomeric Rubber)

ฉนวนยางสังเคราะห์เป็นฉนวนที่มีความยืดหยุ่นสูง ผลิตจากยางสังเคราะห์และสารประกอบอื่นๆ โดยมีโครงสร้างเป็นเซลล์ปิดที่ช่วยป้องกันการดูดซับเสียง เหมาะสำหรับใช้เป็นฉนวนหุ้มท่อ เพื่อลดเสียงจากการไหลของของเหลวและกระแสลมในระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล มีข้อดีคือ ยืดหยุ่น ทนต่อแรงสั่นสะเทือน ป้องกันการควบแน่นได้ดี ติดตั้งง่ายโดยการหุ้มหรือพันรอบท่อ

มาตรฐานความปลอดภัยและการทดสอบการลามไฟของ ฉนวนกันเสียง

มาตรฐานการลามไฟ ฉนวนกันเสียง

   เนื่องจาก ฉนวนกันเสียง มักถูกติดตั้งในพื้นที่ปิดล้อม เช่น ผนัง ฝ้าเพดาน หรือใต้พื้น ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย ดังนั้นจึงมีการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยด้านการลามไฟสำหรับฉนวนกันเสียง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เป็นตัวการในการลุกลามของเพลิงหากเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น โดยมาตรฐานที่สำคัญ ได้แก่

  • ASTM E84 (Surface Burning Characteristics of Building Materials) – วิธีทดสอบมาตรฐานสำหรับคุณลักษณะการติดไฟที่ผิวของวัสดุก่อสร้าง โดยจะประเมินค่าการลามไฟ (Flame spread index) และการเกิดควัน (Smoke developed index) โดยฉนวนกันเสียงที่ดีควรมีค่าการลามไฟต่ำกว่า 25 และค่าการเกิดควันต่ำกว่า 50
  • EN 13501-1 (Fire classification of construction products and building elements) – มาตรฐานยุโรปสำหรับการจัดประเภทวัสดุก่อสร้างตามคุณสมบัติการลามไฟ แบ่งเป็น 7 ระดับ คือ A1, A2, B, C, D, E และ F โดย A1 คือวัสดุไม่ติดไฟ ไม่ลุกลาม และไม่เกิดควัน ส่วน F คือวัสดุที่ติดไฟได้ง่ายและลุกลามอย่างรวดเร็ว
  • ISO 5660 (Reaction-to-fire tests – Heat release, smoke production and mass loss rate) – มาตรฐานสากลสำหรับทดสอบปฏิกิริยาการลุกไหม้ของวัสดุ โดยวัดอัตราการปล่อยความร้อน ควัน และมวลที่สูญเสีย ภายใต้ภาวะที่จำลองเหตุการณ์ไฟไหม้จริง
 
มาตรฐานการไฟลุก ฉนวนกันเสียง
  • NFPA 90A (Standard for the Installation of Air Conditioning and Ventilating Systems) – มาตรฐานการติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศ โดยกำหนดให้ฉนวนที่ใช้ในระบบท่อลมต้องเป็นวัสดุไม่ติดไฟ มีค่าการลามไฟไม่เกิน 25 และค่าการเกิดควันไม่เกิน 50 เมื่อทดสอบตาม ASTM E84

การเลือกใช้ ฉนวนกันเสียง ที่ผ่านมาตรฐานการทดสอบการลามไฟข้างต้น จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลุกลามของเปลวเพลิง ป้องกันการเกิดควันพิษ และเพิ่มระยะเวลาในการอพยพหนีไฟ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรเทาความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากอัคคีภัย อีกทั้งยังเป็นข้อกำหนดตามกฎหมายอาคารของหลายประเทศที่ต้องใช้วัสดุต้านการลามไฟเท่านั้น

ฉนวนใยแก้วจาก Microfiber ได้รับการรับรองตามมาตรฐานการทดสอบข้างต้น โดยมีคุณสมบัติต้านการลามไฟในระดับสูง (Class A ตาม ASTM E84 หรือ Class A1/A2 ตาม EN13501-1) จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการลุกลามของเปลวเพลิง ควันพิษ หรือเป็นอันตรายต่อชีวิตหากเกิดอัคคีภัยขึ้น

มาตรฐานการติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
วิธีเลือกฉนวนกันเสียง ให้เหมาะสม

วิธีเลือกฉนวนกันเสียง ให้เหมาะสม

  1. พิจารณาจุดประสงค์ของการใช้งาน ว่าต้องการป้องกันเสียงจากภายนอกเข้าสู่ภายใน ป้องกันเสียงจากภายในส่งออกภายนอก หรือต้องการเพิ่มค่าการดูดซับเสียงภายในห้อง
  2. คำนวณระดับเสียงที่ต้องการลด โดยใช้เครื่องมือวัดระดับเสียง เพื่อเลือกประเภทและความหนาของฉนวนให้เหมาะสม
  3. พิจารณาลักษณะการติดตั้ง เช่น ผนัง เพดาน พื้น หรือระบบท่อ เพื่อเลือกวิธีการติดตั้งที่เหมาะสมกับการใช้งาน
  4. ตรวจสอบคุณสมบัติทางเทคนิค เช่น ค่า NRC, STC, ความหนาแน่น การทนไฟ ความทนทาน เพื่อให้ได้ฉนวนที่มีคุณภาพสูงสุด
  5. พิจารณาความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน โดยเลือกฉนวนที่ไม่เป็นพิษ ไม่แพร่กระจายฝุ่นละออง ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
  6. คำนึงถึงความคุ้มค่าในระยะยาว โดยเปรียบเทียบต้นทุนการติดตั้ง ประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานของฉนวนแต่ละชนิด

ข้อแนะนำในการติดตั้ง ฉนวนกันเสียง

  1. วางแผนการติดตั้งให้ครอบคลุมทุกจุดที่ต้องการป้องกันเสียง โดยเฉพาะผนังที่แบ่งห้อง ท่อลมในระบบปรับอากาศ จุดเชื่อมต่อระหว่างผนังและพื้นหรือเพดาน
  2. เลือกวิธีการติดตั้งที่เหมาะสมกับประเภทของฉนวน เช่น ฉีดพ่น ยึดด้วยตะปูหรือกาว หรือวางซ้อนในโครงผนัง
  3. ติดตั้งฉนวนให้มีความหนาสม่ำเสมอ และประกบชิดกับผนัง พื้น หรือฝ้า ไม่ให้มีช่องว่างที่จะทำให้เสียงลอดผ่านได้
  4. ใช้เทปอลูมิเนียมปิดทับตามขอบและรอยต่อของฉนวน เพื่อป้องกันการรั่วไหลของเสียง
  5. ในกรณีติดตั้งในระบบท่อ ควรหุ้มฉนวนให้ครอบคลุมตลอดความยาวของท่อ โดยเฉพาะบริเวณข้อต่อ หัวงาน และจุดเปลี่ยนทิศทาง
  6. หลังการติดตั้ง ควรทดสอบประสิทธิภาพการลดเสียงด้วยเครื่องวัดระดับเสียง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่ต้องการ

สรุป 

ฉนวนกันเสียงถือเป็นส่วนสำคัญของการออกแบบอาคารในปัจจุบัน ที่ช่วยสร้างสภาวะแวดล้อมเงียบสงบ ปลอดจากมลภาวะทางเสียง เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย การเลือกใช้ฉนวนกันเสียงที่มีคุณภาพ ติดตั้งอย่างถูกวิธี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและลดทอนเสียง สร้างความเป็นส่วนตัว และเพิ่มสมาธิในการทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว

หากกำลังมองหาฉนวนกันเสียงคุณภาพสูงสำหรับบ้านหรืออาคารของคุณ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้เชี่ยวชาญจาก Microfiber ซึ่งพร้อมให้คำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับการใช้งาน พร้อมบริการออกแบบและติดตั้งโดยทีมงานมืออาชีพ เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เงียบสงบในฝันให้เป็นจริง

Chill Flow Contact
Chill Flow Line
Chill Flow massage
Chill Flow telephone